ไทยลดระดับความสัมพันธ์กัมพูชา ด้านกัมพูชาโต้กลับด้วยการลดระดับความสัมพันธ์กับไทยสู่ระดับต่ำสุด ระบุไทยเลือกการเผชิญหน้า

ไทยลดระดับความสัมพันธ์กัมพูชา ด้านกัมพูชาโต้กลับด้วยการลดระดับความสัมพันธ์กับไทยสู่ระดับต่ำสุด ระบุไทยเลือกการเผชิญหน้า

รักษาการนายกรัฐมนตรีเผยไทยลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชา เรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งทูตกัมพูชากลับประเทศ หลังเย็นวันที่ 23 ก.ค. มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ

  • เกิดเหตุปะทะทหารไทย-กัมพูชา ใกล้ปราสาทตาเมือนธม เรารู้อะไรแล้วบ้าง ?

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวว่าได้รับรายงานจาก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มีหน่วยลาดตระเวนเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บขาขวาขาด 1 นาย คือ จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญโคราช ซึ่งถูกเคลื่อนย้ายออกจากจุดเกิดเหตุเมื่อเวลา 17.18 น. และนำส่งโรงพยาบาลน้ำยืนในเวลาต่อมา

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทางการไทยตัดสินใจตอบโต้ทางการกัมพูชาด้วยการลดระดับความสัมพันธ์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ไทยเพิ่งประณามกัมพูชาว่า ละเมิดพันธกรณีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือรู้จักกันว่า “อนุสัญญาออตตาวา” (Ottawa Treaty) ได้เพียงสองวัน หลังพิสูจน์ทราบได้ว่ากำลังพลของไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทางไทยอ้างว่าเป็นระเบิดที่เข้ามาวางใหม่ โดยหนึ่งในจำนวนนี้ขาขาดและกลายเป็นผู้พิการถาวร

ทั้งนี้ ในอนุสัญญาออตตาวามีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า พันธกรณีสำคัญที่จะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ คือ ไม่ใช้ พัฒนา ผลิต และสะสม จัดเก็บ และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไปให้ผู้ใด ทั้งทางตรงและทางอ้อม

อย่างไรก็ตาม ต่อมาทางการกัมพูชาอ้างว่า ไทยลาดตระเวนล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของประเทศ และยืนยันว่า เป็นระเบิดเก่าที่ตกค้างจากยุคสงคราม พร้อมกับโต้ว่าไทยละเมิด MoU 2543 ในเรื่องเส้นทางลาดตระเวนออกนอกเส้นทางที่ตกลงกันไว้และกำหนดเส้นทางลาดตระเวนขึ้นมาเองใหม่ “เข้าสู่ดินแดนอธิปไตยของกัมพูชา”

ทั้งนี้ รักษาการนายกรัฐมนตรียังบอกด้วยว่า กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพิ่มเติม

“ตอนนี้เป็นระเบิดที่เกิดใหม่ทั้งหมดในเวลาใกล้เคียงกัน ดังนั้น เรายกระดับการตอบโต้ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรมยังเปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลไทยเห็นชอบตามที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสนอยกระดับการตอบโต้กัมพูชาด้วยการปิดด่านช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู พร้อมปิดปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย โดยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน กองทัพบกของไทยออกแถลงการณ์ประณามฝ่ายกัมพูชา กรณีวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนช่องอานม้า โดยให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 16.55 น. ขณะที่กำลังพลของกองทัพบกชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ และเหยียบกับทุ่นระเบิดในเวลาต่อมา

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 5 นาย โดย 1 นาย ขาขวาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิด และอีก 4 นายมีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ จากแรงสั่นสะเทือนของแรงระเบิด

กัมพูชาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยสู่ระดับต่ำสุด

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 08.40 ของวันที่ 24 ก.ค. รัฐบาลกัมพูชาออกมาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยในระดับต่ำสุด (ระดับเลขานุการโท) เพื่อตอบโต้กรณีที่ทางการไทยเรียกทูตกลับ และให้ทูตกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ

คำสั่งดังกล่าวยังมีผลให้เจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในสถานเอกอัครราชทูตของกัมพูชาประจำประเทศไทย ต้องถอนตัวและเดินทางกลับกัมพูชา โดยห้วงเวลาเดียวกันนี้ยังกำหนดให้นักการทูตของไทยเดินทางออกจากกัมพูชาด้วย

แถลงการณ์สำนักงานคณะรัฐมนตรีของกัมพูชายังกล่าวต่อว่าการประกาศขับไล่นักการทูตไทยเกิดขึ้นหลังรัฐบาลไทยมีมาตรการตอบโต้ทางการทูตต่อกัมพูชา โดยนำเรื่องปมทุ่นระเบิด “มาเป็นข้ออ้าง”

“ข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริงเช่นนี้ของไทย ถูกมองว่าเป็นความพยายามของไทยที่จะโยนความผิดมาให้กัมพูชา เพื่อทำให้การตอบสนองทางการทูตดูไม่สมเหตุสมผล การกระทำนี้แสดงให้เห็นถึงการขาดเจตจำนงที่ดีในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา และเลือกที่จะเผชิญหน้ากัน” แถลงการณ์ ระบุ

ทบ. สั่งเตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนารถ” เพื่อโต้ตอบ

ในวันที่ 24 มี.ค. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ และดูแลให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ พร้อมได้สั่งการให้กำลังกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกำลังส่วนต่าง ๆ เตรียมพร้อมปฏิบัติตาม “แผนจักรพงษ์ภูวนารถ” เมื่อมีการสั่งการต่อไป

“กองทัพบกขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ซึ่งละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมสากลและข้อตกลงระหว่างประเทศ อันเกิดขึ้นภายในเขตราชอาณาจักรไทย โดยเป็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยถือเป็นการกระทำที่เป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศ”

พร้อมกันนี้ กองทัพบกยังยืนยันด้วยว่าจะใช้ทุกกลไกที่มีอยู่ในการดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนชาวไทยไม่ให้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป

แหล่งที่มา www.bbc.com/thai/articles/c5y91298dd8o

author

Related Articles