ไทยประณามว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนโข โดยอ้างว่าเกิดเหตุปะทะแนวชายแดนต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ ขณะที่ทางกัมพูชายืนยันว่ายังคงปฏิบัติตามข้อตกลงซึ่งเป็นไปด้วยดี
ในการแถลงข่าวเช้าวันนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา บอกว่ารัฐบาลกัมพูชาและกองทัพยังคงยึดมั่นตามเงื่อนไขทั้งหมดที่ระบุไว้ในข้อตกลงหยุดยิง คือ ระงับการยิงทั้งหมด ไม่มีการระดมพลหรือเพิ่มกำลังทหาร และประจำการอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของตนภายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค.
ด้านกองทัพบกของไทยออกมาระบุว่าฝ่ายไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด แต่ฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่ละเมิดข้อตกลง พร้อมกับระบุไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ต่อสื่อมวลชนอย่างละเอียด ขาดเพียงภาพประกอบเหตุการณ์จากสถานที่จริงเท่านั้น
แม้ยังไม่มีบุคคลที่สามที่เป็นกลางเข้ามายืนยันว่าการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นโดยฝ่ายกัมพูชาจริงหรือไม่ แต่บริเวณที่เกิดเหตุปะทะกำลังบอกอะไรกับเรา
ฝ่ายไทยบอกว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงตรงจุดใดบ้าง ?
รายงานจากศูนย์เฉพาะกิจชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ระบุว่านับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. เป็นต้นมา มีการโจมตีหลายระลอกจากฝ่ายกัมพูชาที่ส่งเข้ามาในเขตแดนของไทย โดยใช้อาวุธหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโดรน, ปืนใหญ่, ปืนไรเฟิล, และปืนครก โดยพื้นที่ในสุดที่พบว่าฝ่ายกัมพูชาส่งยุทโธปกรณ์เข้ามาในลักษณะผิดปกติ คือ การส่งโดรนเข้ามาบินวนในพื้นที่กองบิน 1 จ.นครราชสีมา
จากนั้นเกิดการปะทะเกือบตลอดแนวทิวเขาพนมดงรักซึ่งทอดยาวตั้งแต่ จ.บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ ไปจนถึง จ.อุบลราชธานี และเป็นแนวพรมแดนธรรมชาติซึ่งกั้นระหว่างไทย-กัมพูชา โดยอีกฝั่งคือ จ.พระวิหาร และ จ.อุดรมีชัย
รายงานดังกล่าวระบุฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มต้นการโจมตีก่อนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณจุดปราสาทตาควาย พื้นที่ซำแต พื้นที่พลาญยาว พื้นที่ช่องตาเฒ่า ผามออีแดง พื้นที่ช่องบก ภูมะเขือ และช่องคานม้า โดยการปะทะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเช้าของวันที่ 29 ก.ค.
ทว่า ในช่วงบ่ายของวันที่ 29 ก.ค. เป็นต้นมา ไม่พบรายงานการปะทะระหว่างสองฝ่าย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างแม่ทัพภาคของทั้งสองประเทศ ตามข้อตกลงประการที่สองที่เกิดขึ้นในกรุงลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่มีนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน เป็นตัวกลางในการประสานงานการเจรจาหยุดยิงเมื่อวันจันทร์
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น กองทัพบกของไทยรายงานว่าในช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 29 ก.ค. เกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนใน จ.ศรีสะเกษ โดยระบุว่าทางกองทัพกัมพูชาใช้ปืนเล็กยิงเข้ามาในแนวฝั่งกำลังไทยบริเวณพื้นที่ช่องคานม้า ตามมาด้วยพื้นที่ภูมะเขือและห้วยตามาเรียบนพื้นที่เขาพระวิหาร ในห้วงเวลาประมาณ 22.00 น. เป็นต้นมา ซึ่งพบการยิงระเบิดและปืนเล็กเป็นระยะ ๆ จนถึงช่วงเช้าของวันนี้ (30 ก.ค.)
นอกจากนี้ ยังพบลูกระเบิดที่ยิงมาจากกัมพูชาและตกลงในพื้นที่ผามออีแดงในช่วงเวลา 05.17 น. ของวันที่ 30 ก.ค. ด้วยเช่นกัน
พื้นที่จุดปะทะตามที่ฝ่ายไทยรายงาน มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์อย่างไร ?
การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ทหารและพลเรือนของทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต และส่งผลกระทบต่อผู้คนนับแสนตามชายแดนที่ต้องอพยพจากถิ่นฐานเพื่อความปลอดภัย
บีบีซีไทยพบว่าหากนำจุดที่ทางฝ่ายไทยอ้างว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมาเปรียบเทียบกับแผนที่ความร้อน (heat map) แสดงความเคลื่อนไหวของกองกำลังบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่วิเคราะห์โดยนายนาธาน รูเซอร์ จากสถาบันวิเคราะห์นโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของออสเตรเลีย (ASPI) เห็นได้ว่าความเข้มข้นของกิจกรรมกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ไม่กี่แห่งเหมือนกัน นั่นคือ บริเวณช่องบก ภูมะเขือ และปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย ซึ่งการวิเคราะห์ของเขาระบุว่าส่วนใหญ่ทางกัมพูชาเป็นฝ่ายยกระดับความตึงเครียดทางทหารในพื้นที่ก่อน
แหล่งที่มา www.bbc.com/thai/articles/c3r4xzq39qzo